กุณฑาลินีคือ มารดาเฉพาะตัวของแต่ละคน คุณแม่สถิตอยู่ที่กระดูกกระเบนเหน็บ (sacrum bone) รอคอยโอกาสอันเหมาะสมที่จะถูกปลุกโดยผู้ที่ตื่นรู้ ในเวลาที่เหมาะสม
เมื่อถูกปลุกขึ้น คุณแม่จะชำระล้าง ทำความสะอาด และบำรุงร่างกายมนุษย์ เหมือนแม่ที่อาบน้ำและดูแลลูกน้อยของเธอ
คุณแม่กุณฑาลินีแสดงความเมตตาและความอ่อนโยนที่ปลอบประโลมและบำรุงเลี้ยงเรา
คำว่า กุณฑาลินี หมายถึง “พลังที่ขดตัว”
ในตัวมนุษย์ทุกคนมี พลังจิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและความอ่อนโยน นอนอยู่นิ่ง ๆ ที่กระดูกเชิงกราน รูปสามเหลี่ยม ขดตัวประมาณสามรอบครึ่ง
(ชาวกรีกตระหนักว่ากระดูกที่เรียกว่า hieron osteon หรือ sacrum มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่นำไปสู่ Pneuma หรือจิตวิญญาณ)
เมื่อพลังอันพิเศษนี้ถูกปลุกขึ้น ท่านจะเคลื่อนขึ้นตามกระดูกสันหลัง ผ่านศูนย์พลังงาน (chakras) ทั้งหมดในระบบละเอียดของร่างกาย ก่อนที่จะเปิดสหัสราระ “Sahasrara” ศูนย์พลังบนยอดศีรษะ
นี่คือวิธีที่มนุษย์บรรลุ โยคะ หรือ การรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแหล่งกำเนิดทั้งหมด
“คุณไม่สามารถรู้ความหมายของชีวิตคุณได้จนกว่าคุณจะเชื่อมต่อกับพลังที่สร้างคุณขึ้นมา”
ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
กุณฑาลินีและการตื่นรู้
การตื่นรู้ เป็นประสบการณ์ภายในที่ละเอียดอ่อน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อกุณฑาลินีเคลื่อนขึ้นจากกระดูกกระเบนเหน็บตามกระดูกสันหลังและออกจากยอดศีรษะที่บริเวณ fontanelle คำว่า fontanelle แปลว่า “น้ำพุเล็ก ๆ” ซึ่งเปรียบเหมือนการพุ่งขึ้นของกุณฑาลินี ณ ตำแหน่งที่แม่นยำบนศีรษะ
เมื่อกุณฑาลินีถูกปลุกขึ้น ท่านจะอาบความสงบให้กับสติของผู้แสวงหา โดยทำให้ความคิดช้าลงและหยุดลงทีละน้อย (Nirvichara Samadhi) กุณฑาลินียังพาผู้ปฏิบัติไปสู่สภาวะแห่งการใคร่ครวญและความสุขภายใน (Anand)
เมื่อกุณฑาลินีขึ้นสูง ท่านยกระดับสติของโยคีขึ้นสู่ตัวตนเดิมแท้ (Self) เมื่อสำนึกของเขาอยู่ในตัวตนเดิมแท้ ผู้แสวงหาความจริงจะรู้ว่าเขาคือ จิตวิญญาณ และไม่เกิดความแตกต่างระหว่างการรู้และการเป็น ทั้งสองสภาวะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว คือความจริงสูงสุดของตัวตนเดิมแท้ ดังนั้น กุณฑาลินีคือ ยานพาหนะที่ทำให้สามารถบรรลุสภาวะตัวตนเดิมแท้ได้
“การตื่นรู้คือการกลายเป็นตัวตนเดิมแท้ เพราะไม่มีตัวตนที่แยกสองตัวตน การรู้คือการเป็น สติคือการมีอยู่”
รามานะ มาฮารชิ
จิตวิญญาณของคุณนั้นล้ำค่าเกินกว่าจะวัดได้ และนั่นคือเหตุผลที่ถูกขนานนามว่า 'สิ่งที่มีคุณค่านิรันดร์' ด้วยความไม่มีที่สิ้นสุดของจิตวิญญาณ เราจึงไม่อาจวัดคุณค่าของจิตวิญญาณได้เลย"
ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
จิตวิญญาณสะท้อนถึงพระเจ้า ผู้สร้างทั้งหมด
ส่วนกุณฑาลินีสะท้อนถึงพลังแห่งความประสงค์ของพระองค์ภายในตัวเรา
“เรามีแม่อยู่ในตัวเรา ในหัวใจของเรา และเมื่อคุณแม่ถูกปลุกขึ้น ท่านจะดูแลเรา ให้การปกป้องทั้งหมดที่จำเป็น และไม่มีอะไรต้องกลัว”
"กุณฑาลินีช่วยรักษา ปรับปรุง และมอบความสุขทั้งหมดให้เรา ท่านพาเราออกจากความกังวลระดับหยาบ"
ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
คุณแม่กุณฑาลินี เทวีทองคำ อยู่เหนือทุกมิติ เหนือเวลาและอวกาศ เหนือเหตุและผล และเหนือวิทยาศาสตร์ ในขณะที่วิทยาศาสตร์ศึกษาสสาร ท่านคือ แหล่งกำเนิดของสสาร เมื่อการแสวงหาของเราปราศจากความก้าวร้าว ท่านจะตอบสนองอย่างอ่อนหวานและรักใคร่ และมอบสมบัติล้ำค่าของท่านอย่างเต็มที่ ดับความกระหายอมตะของเราด้วยน้ำอมฤตแห่งความหวานที่สุด
คุณแม่กุณฑาลินีคือ แม่เฉพาะตัว ที่บำรุงและสถิตอยู่ในตัวเรา ท่านแสดงความเมตตา ปลอบประโลม และบำรุงเลี้ยงเรา สถิตอยู่ที่กระดูกกระเบนเหน็บ รอคอยโอกาสอันเหมาะสมที่จะถูกปลุกโดยผู้ตื่นรู้
“คุณแม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ และรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะให้คุณเกิดใหม่เป็นครั้งที่สอง”
ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
พลังแม่นี้ในตัวมนุษย์ถูกเรียกในหลายชื่อในแต่ละประเพณี:
ชาวฮินดู: Kundalini Shakti
ชาวกรีก: Pneuma
ศาสนาอิสลาม: Ruh
พระเยซูคริสต์: The Holy Spirit
คัมภีร์ลึกลับชาวยิว: Shekina
สุเมเรียน: เทวีแม่ Inanna
อินเดียโบราณ: Chaitanya / The Self (ในสหจะโยคะ = Divine Vibrations)
ญาเนศวร นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งอินเดียในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ได้พรรณนาถึงพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ว่า:
“กุณฑาลินีนั้นสถิตอยู่อย่างเงียบงาม เล็กยิ่งนัก ขดตัวสามรอบครึ่งดุจอสรพิษเพศเมียที่ม้วนกายโดยหันศีรษะลงเบื้องล่าง เปล่งประกายราววงแหวนแห่งสายฟ้าอันศักดิ์สิทธิ์”
"นางผุดขึ้นจากศูนย์พลังเบื้องล่าง มุ่งตรงสู่ประตูแห่งพรหมมัน พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ภายในนาง ดุจงูศักดิ์สิทธิ์ที่ขดพันตนเอง ส่องแสงดั่งสายฟ้าพันแสง ละมุนละไมดั่งกลีบบัวบาน"
อัทวายะ-ตารกะ อุปนิษัท
กุณฑาลินีตื่นได้อย่างไร อธิบายโดยท่านศรีมาตาจี